การทำ Scalability ไม่ใช่เรื่องง่าย องค์กรจำเป็นต้องมีการวางแผนที่ดี มีทรัพยากรที่เพียงพอ และมีวัฒนธรรมองค์กรที่พร้อมสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง เพราะในยุค Digital Disruption ทุกองค์กรต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และต้องปรับตัวกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม รวมไปถึงการพัฒนาของคู่แข่งใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นอีกมากมาย การทำScalability จึงมีความสำคัญมากในการปรับขนาดของธุรกิจให้ขยายหรือหดตัวได้อย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงั้งในปัจจุบันและอนาคต
Scalability คืออะไร
Scalability หมายถึงความสามารถของระบบ, โมเดล, หรือกระบวนการในการรองรับการปรับขนาดไม่ว่าจะเป็นการขยาย (Scal-Up) หรือ ย่อขนาด (Scal-Down) รวมไปถึงการเพิ่มขึ้นของภาระงานหรือการขยายขนาดได้โดยไม่ลดประสิทธิภาพหรือคุณภาพในการทำงาน. ในทางเทคโนโลยีสารสนเทศ, scalabilityมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะมันเป็นตัวชี้วัดความสามารถของระบบเครือข่าย, ซอฟต์แวร์, หรืออุปกรณ์ในการปรับตัวเพื่อรองรับการเติบโตของข้อมูลหรือจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้น. และในแง่ของการทำธุรกิจ คือความสามารถในการปรับตัวขององค์กร เพื่อรองรับการขยายองค์รและลดขนาดองค์กร โดยที่ยังคงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
Scalability สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆ ได้แก่:
Horizontal Scalability (Scalabilityแนวนอน)
หมายถึงการเพิ่มจำนวนเครื่องหรือระบบเพื่อประสิทธิภาพในการรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น เช่น การเพิ่มจำนวนเซิร์ฟเวอร์เพื่อรองรับการเข้าถึงเว็บไซต์ที่เพิ่มขึ้น ,การขยายขนาดองค์กรโดยการเพิ่มทีม office เพื่อรองรับการทำงานที่มากขึ้น
ข้อดีของ
สามารถรองรับการเติบโตขององค์กรได้ดี : ช่วยให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้า และ เพิ่มรายได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าระบบจะรองรับไม่ไหว
ช่วยในการทำ Lean Organization : ช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และช่วยให้องค์กรสามารตอบสนองความตองการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
เพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการ : เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การที่องค์กรมีทรัพยากรและความพร้อมมากเพียงพอ จะช่วยให้องค์กรมีความยืดหยุ่นในการดำเนินการ เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลง
Vertical Scalability (Scalabilityแนวตั้ง)
หมายถึงการเพิ่มความสามารถของเครื่องหรือระบบโดยการอัพเกรดทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพมาขึ้น เช่น CPU, RAM หรือพื้นที่จัดเก็บข้อมูล , การพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถตอบสนองกับงานที่มากขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อดีของ
ง่ายต่อการดำเนินการ : การพัฒนาบุคลากร หรืออัพเกรดทรัพยากรที่มี ถือเป็นวิธีการที่ง่ายต่อการดำเนินการ เพาระองค์กรไม่จำเป็นต้องทำการสรรหาบุคลากรใหม่ และไม่ต้องเสียงเวลาในการเรียนรู้งาน หมดกังวลเรื่อง
ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างระบบ : การส่งบุคลากรไปอบรมพัฒนาศักยภาพ หรือ จัดอบรมพัฒนาภายในบริษัท เป็นการพัฒนาบุคลากรภายในที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งงานโครงสร้างองค์กรหรือระบบการทำงาน ทำให้องค์กรไม่จำเป็นต้องวางระบบต่างๆในการทำงานใหม่
ช่วยประหยัดต้นทุนในการดำเนินการ : Scalabilityแนวตั้งช่วยให้องค์กรประหยัดต้นทุนในหลายๆด้านอาทิเช่น การสรรหาบุคลากร ต้นทุนด้านเวลา ต้นทุนการดำเนินการและต้นทุนค่าเสียโอกาสในการทำธุรกิจ
การออกแบบระบบที่มี scalabilityที่ดีนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการมีระบบที่ดีจะช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อความต้องการในการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว และประหยัดต้นทุนในการกำเนินการ โดยไม่ต้องทำการเปลี่ยนแปลงที่มีค่าใช้จ่ายสูงหรือทำให้ระบบหยุดทำงานเป็นเวลานาน. นอกจากนี้, การมี scalabilityที่ดียังช่วยให้สามารถปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
Scalability สำคัญกับธุรกิจอย่างไรในโลกยุค Digital Distruption
ในปี 2024, การมี scalabilityในธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญมากขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและการเติบโตของตลาดดิจิทัลที่ท้าทายธุรกิจให้ปรับตัวอย่างรวดเร็วต่อความต้องการของลูกค้าและเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนา. นี่คือ เหตุผลที่ทำให้ scalabilityกลายเป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจ
สามารถตอบสนองต่อการเติบโตของตลาดได้
การพัฒนาด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง มีผลกระทบโดยตรงต่อความเปลี่ยนแปลงของตลาด ซึ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่คาดคิด. องค์กรที่มีระบบ scalable จะสามารถปรับขนาดขึ้นหรือลงเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพและคุณภาพของบริการ
เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ในยุคดิจิทัล มีนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการต่างๆได้ และในอนาคตยังมีการพัฒนานวัตกรรมที่สามารถปรับปรุงบริการละตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าโดยตรงได้ การเข้าถึงนวัตกรรมใหม่ๆถือเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความเป็นผู้นำในตลาด. องค์กรที่มีความสามารถในการ scale ในรูปแบบต่างๆ จะสามารถทดลองนวัตกรรมใหม่ๆและเปิดตัวผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบโจยท์ความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว, และสามารถเพิ่มโอกาสในการเอาชนะคู่แข่ง.
การปรับใช้เทคโนโลยีใหม่
เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ AI , บิ๊กดาต้า และ Cloud เป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำธุรกิจ. ซึ่งปัจจุบันไม่ใช่เพียงแค่องค์กรขนาดใหญ่ที่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีต่างๆได้ แต่องค์กรขนาดเล็กที่มีศักยภาพในการ Scal ก็สามารถปรับระบบของตนเพื่อรองรับเทคโนโลยีเหล่านี้ได้เช่นกัน เทคโนโลยีที่ดีจะสามารถทำให้กระบวนการธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้มากขึ้น.
ความสามารถในการเข้าถึงตลาดโลก
ด้วยเทคโนโลยี Cloud และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น ทำให้องค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลและทลายข้อจำกัดต่างๆ ในการขยายไปยังตลาดใหม่ๆ ได้ทั่วโลก. การมีระบบที่ scalable ที่ดีจะช่วยให้องค์กรสามารถขยายขอบเขตการให้บริการและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ.
การมุ่งเน้นที่ scalabilityจึงไม่เพียงแต่ช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวและเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังช่วยให้สามารถนำเสนอบริการที่ดีกว่า, ประหยัดต้นทุน, และรักษาความเป็นผู้นำในตลาดได้อีกด้วย.
การใช้บริการ Outsource ในการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจ
การใช้บริการ Outsource ในกระบวนการวางแผนกลยุทธ์และการทำ scale up (ขยายขนาด) หรือ scale down (ลดขนาด) เป็นแนวทางที่ช่วยให้องค์กรเพิ่มขีดความสามารถในกระบวนการต่างได้อย่างยืดหยุ่นและะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งการใช้บริการ Outsource ที่มีความเชี่ยวชาญในหลายๆด้านเข้ามาทำงานที่ไม่ใช่งานหลักของธุรกิจจะสามารถทำให้องค์กรได้ ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น เพิ่มโอกาสในการแข่งขัน และ สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้การใช้บริการ outsource เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการวางแผนกลยุทธ์และการทำ scale up หรือ scale down จะช่วยให้องค์กรได้ผลประโยชน์ในหลายๆด้าน อาทิเช่น
การเข้าถึงทักษะและความเชี่ยวชาญ : การใช้บริการ บริษัท Outsource จะช่วยให้องค์กร เข้าถึงทักษะและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่อาจไม่มีในองค์กร ทำให้สามารถวางแผนและดำเนินกลยุทธ์ที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทางได้.
การวิเคราะห์และวางแผนตลาด : ผู้ให้บริการ Outsource ที่มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตลาดและการวางแผนการเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ เข้ามาช่วยจะทำให้องค์กรสามารถระบุโอกาสและบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
การทดสอบแนวคิด : บริษัท Outsource ที่มีความชำนาญในกระบวนการต่างๆ จะมีองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่พร้อมสำหรับการทดสอบแนวคิดทางธุรกิจหรือการทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทำให้องค์กรสามารถทดลองประบวนการต่างๆก่อนทำการลงทุนขนาดใหญ่ เพื่อประเมินความสามารถในการตอบสนองตลาด.
การทำ Scale Up
การขยายการผลิตหรือบริการ : การใช้บริการ Outsource เพื่อขยายกำลังการผลิตหรือการให้บริการโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มในเรื่องทรัพยากรบุคคล เช่น การสรรหาพนักงานประจำหรือ พนักงานชั่วคราว ซึ่งองค์กรต้องเสียเวลาและเสียโอกาศในการแข่งขันได้ แต่ผู้ให้บริการ Outsource ที่มีความพร้อมด้านการสรรหาบุคลากรจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น จะช่วยให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว.
การขยายตลาด : ผู้ให้บริการ Outsource มีความเชี่ยวชาญในหลายๆธุรกิจและมีฐานข้อมูลบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญจำนวนมาก ถือเป็นผู้ช่วยคนสำคัญในการเร่งเข้าถึงตลาดและกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่องค์กร ยุคใหม่ที่ต้องการขยายตลาดควรคำนึงถึง
การสร้างความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน : บริการ Outsoure ช่วยให้องค์กรสามารถ ปรับขนาดทีมงานและทรัพยากรได้อย่างยืดหยุ่น, ช่วยให้องค์กรสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้.
การทำ Scale Down
การลดต้นทุน : ในช่วงที่ธุรกิจต้องการลดขนาด, การใช้บริการบริษัท Outsource สามารถช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานโดยการลดขนาดทีม,บริการ หรือกระบวนการที่ไม่จำเป็นออกไปได้
การรักษาความยืดหยุ่น : แม้ในช่วงที่องค์กรต้องการทำ scale down, บริษัท Outsource ที่มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการงานด้านบุคลากร จะช่วยให้ องค์กรสามารถรักษาความยืดหยุ่นไว้ โดยการปรับขนาดการดำเนินงานตามความต้องการของตลาด.
การรักษาความสามารถในการแข่งขัน : ผู้ให้บริการ Outsource จะคอยควบคุมดูแลฟังก์ชันการดำเนินงานที่ไม่ได้เป็นหลักในองค์กร ทำให้องค์กรสามารถโฟกัสไปที่กิจกรรมหลักที่สร้างมูลค่าสูงสุดได้สะดวกขึ้น, ช่วยรักษาความสามารถในการแข่งขันแม้ในช่วงที่ต้อง scale down.
การใช้บริการ Outsource ในการวางแผนกลยุทธ์เป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยให้องค์กรสามารถปรับขนาดการดำเนินงานได้อย่างยืดหยุ่น, ทั้งในช่วงเวลาของการเติบโตและการลดขนาด, ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความยืดหยุ่นและความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว.
Scalability คือ กลยุทธ์สำคัญสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
Scalabilityหรือความสามารถในการขยายขนาดเป็นกลยุทธ์สำคัญในการทำธุรกิจที่สามารถตอบโจทย์การเติบโตอย่างยั่งยืนและการรักษามาตรฐาน ESG (Environmental, Social, and Governance) ได้อย่างไร้ที่ติ. การเน้นที่scalability ช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตในขณะที่ยังคงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม, สังคม, และการบริหารจัดการที่ดี. นี่คือวิธีการที่ scalability สามารถช่วยสนับสนุนการเติบโตที่ยั่งยืนและเป้าหมาย ESG:
สิ่งแวดล้อม (Environmental)
การลดการใช้ทรัพยากร: ธุรกิจที่สามารถปรับขนาดขึ้นหรือลงตามความต้องการจริง จะสามารถช่วยลดการสูญเสียและการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น, เช่น การใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำในการผลิตช่วงนอกเวลางาน,การเปิด-ปิดเครื่องปรับอากาศให้เป็นเวลาเพื่อประหยัดพลังงาน. นี่เป็นการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม.
การนำเทคโนโลยีใหม่ๆเขามาปรับใช้: การปรับปรุงกระบวนการทำงาน โดยใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยี จะช่วยให้ธุรกิจสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งทางตรงและทางอ้อมได้มาขึ้น อาทิเช่น การใช้บริการสแกนเอกสาร ให้เป็นรูปแบบไฟล์ ดิจิตอลแทนการใช้กระดาษ ,การออกแบบระบบการเดินเอกสารภายในองค์กร ช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน, นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี RPA ซอฟต์แวร์ที่จะช่วยลดเวลาในการทำงาน ลดความผิดพลาดในการทำงานแบบเดิมๆ พร้อมทั้งระบบประมวลผลเอกสาร และโอนย้ายข้อมูลแบบอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยของเสียในระบบการผลิดรวมที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรง
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนวัตกรรมใหม่ๆที่จะช่วยให้การทำธุรกิจเป็นเรื่องง่าย คลิก : SO NEXT
สังคม (Social)
การสร้างงานและการพัฒนาทักษะ: การขยายขนาดที่ยั่งยืนสามารถสร้างงานและโอกาสในการฝึกอบรมสำหรับพนักงาน, ส่งเสริมการพัฒนาทักษะและความก้าวหน้าทางอาชีพ.
การมีส่วนร่วมและการสนับสนุนชุมชน: ธุรกิจที่สามารถขยายขนาดได้อย่างยั่งยืนมักจะมีทรัพยากรมากขึ้นเพื่อสนับสนุนโครงการทางสังคมและชุมชน, ส่งเสริมการเติบโตที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม.
ธรรมาภิบาล (Governance)
การบริหารจัดการที่ยืดหยุ่นและโปร่งใส: การมีระบบการบริหารที่สามารถปรับขนาดได้ช่วยให้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายและนโยบายได้อย่างรวดเร็ว, ส่งเสริมการบริหารจัดการที่มีความโปร่งใสและการตอบสนองที่ดีต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย.
การรับผิดชอบและความยั่งยืน: ธุรกิจที่มีการบริหารจัดการที่ดีสามารถนำเสนอรายงานความยั่งยืนและการตอบสนองต่อเป้าหมาย ESG ได้อย่างมีประสิทธิภาพ, ช่วยให้ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีความเชื่อมั่นในการดำเนินงานของธุรกิจ.
การมุ่งเน้นการทำScalability ไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจสามารถขยายขนาดและเติบโตได้อย่างยั่งยืนเท่านั้น แต่ยังช่วยให้สามารถรักษามาตรฐาน ESG และส่งเสริมการเติบโตที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม, สังคม, และการมีธรรมาภิบาลที่ดี ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในยุคปัจจุบันที่ผู้บริโภคและผู้ลงทุนให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่ยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อสังคม.
เกี่ยวกับเรา SO PEOPLE
เราคือ ผู้ให้บริการ Outsourcing Service ด้านการจัดหาบุคลากรมืออาชีพ ภายใต้
บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO บริษัท Outsource ชั้นนำที่มีพาร์ทเนอร์ด้านเทคโนโลยีระดับโลก ใช้โมเดล Tech-enabled outsourcing solution เข้ามาพัฒนาธุรกิจให้มีประสิทธิภาพแบบครบวงจรหนึ่งเดียวในตลาดหลักทรัพย์ไทย เรามีบริการที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการในการทำธุรกิจของคุณ ด้วยฐานข้อมูลผู้สมัครที่มีคุณภาพกว่า 200,000 รายบน database มีทักษความสามารถที่หลากหลาย พร้อมส่งมอบบุคลากรที่ใช่ให้กับธุรกิจของคุณ และ นอกจากนี้เรายังมี benefit อื่นๆที่พร้อมให้คุณได้มากว่าอาทิเช่น
- มีพนักงานพร้อมเริ่มงานภายใน 3 วัน
- มีการอบรมพัฒนาศัยภาพพนักงานในระหว่างสัญญา
- สามารถส่งคนทดแทนได้ กรณีพนักงานขาดงาน,มาสาย หรือ ลางานในกรณีต่างๆ
- มีเจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้าตลอดอายุสัญญา
- มีบริการที่ยืดหยุ่นตอบสนองต่อทุกการเปลี่ยนแปลงในการทำธุรกิจ
- นอกจากนี้เรายังผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาร่วมในการออกแบบการให้บริการ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็น
irecruit : ระบบจัดเก็บข้อมูลผู้สมัคร ที่สามารถจำแนก ทักษะความสามารถในด้านต่างๆ รวมไปถึงผลการทดสอบและการฝึกอบรมรายบุคคล ประมวลผลออกมาในรูปแบบของ Resume ช่วยให้เราสามารถหา “คนที่ใช่” ได้ง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
TIKTRACK : แอปพลิเคชันระบบจัดการงานด้านบุคลากร ที่ครบจบในแอพเดียวเช่น การลงเวลา เข้า-ออกงาน การลางาน ตรวจเช็ควันหยุดต่างๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยเราได้ออกแบบตัวแอปพลิเคชัน นให้สามารถใช้งานได้ง่ายและสามารถเข้าถึงข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ (Realtime)
VMS : ระบบบริหารจัดการยานพาหนะ ทั้งส่วนบุคคลและส่วนกลาง เช่นระบบในการการจองรถ การติดตามสถานะต่างๆ การจัดการเอกสาร ภาษี พรบ. รวมไปถึงการแจ้งเตือนการซ่อมบำรุง
DASHBOARD : หน้าต่างแสดงข้อมูลสรุปผลการปฏิบัติงานของพนักงานแบบ (Realtime) ช่วยให้ลูกค้าสามารถวิเคาระห์ข้อมูลต่างๆได้ง่ายขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้มากขึ้น
สรุป
Scalability จะช่วยให้องค์กร สามารถพัฒนาธุรกิจได้อย่างยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน และหากมีผู้เชี่ยวชาญในด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทั้งด้าน บุคคล เทคโนโลยี และกระบวนการในการทำงาน จะยิ่งช่วยให้องค์กร สามารถวางแผนการทำการตลาดและออกแบบกลยุทธ์ใหม่ๆในการพัฒนาธุรกิจ และ สามารถบริหารความเสี่ยงในการรุกไปยังตลาดใหม่ๆได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ช่องทางติดต่อ
บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน)
329 ม.10 กุศลส่งสามัคคี ซ.1 ถ.รถรางสายเก่า ตำบล สำโรง อำเภอพระประแดง จังหวัด สมุทรปราการ 10130
โทร : 02-363-9300 ต่อ 1103
โทร : 063-213-9857 (คุณเกตุ)
จันทร์ - ศุกร์ : 8:00 -17:00 น.
Line : @sopeople
จันทร์ - ศุกร์ : 8:00 -17:00 น.
E-mail : [email protected]
จันทร์ - ศุกร์ : 8:00 - 17:00 น.